Recent Post

Gallery

เมืองมัลลิกา ร.ศ.๑๒๔ เมืองย้อนยุคที่น่าไป


168 หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เปิดทำการ 09:00-19:00
ความน่าประทับใจคือผู้คนในเมืองนี้แต่งตัวย้อนยุคกันทุกคนไม่เพียงแต่การแต่งตัวการพูดจาก็ย้อนยุคตามมาด้วย ร้านค้าต่างๆมีแต่ของย้อนยุค ของกินที่นี้ก็เป็นแบบดั้งเดิมและอร่อยด้วยหล่ะครับ และถ้าใครอยากร่วมสมัยกับสถานที่เขาก็มีชุดให้เช่าทั้งชายและหญิง การใช้จ่ายซื้อของที่นี่เขาจะรับเงินแบบสมัยก่อโดยสามารถแลกเงินได้ที่จึดรับแลกด้านในครับ รับรองว่าคุณต้องชอบที่นี่เป็นแน่ขอรับ
หน้าทางเข้าเมืองมัลลิกา



บรรยากาศด้านใน

เงินที่ใช้ซื้อของด้านใน

ร้านค้า

ของอร่อยต่างๆครับ






การแต่งกายของผู้คนด้านในครับ




การสีข้าวโดยการโม่

เรือนไทย



ร้านก๊วยเตี๋ยวย้อนยุค

ร้านขายร่ม

ไปดูซากุระเมืองไทยที่ภูลมโลกันเถอะ





ภูลมโล ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า บนรอยต่อของสามจังหวัด คือ จังหวัดเลย จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดพิษณุโลก โดยจุดสูงสุดอยู่บริเวณ "ยอดภูลมโล" มีความสูง 1,680 เมตร จากระดับน้ำทะเล ทำให้อากาศหนาวเย็นตลอดปี แต่ไฮไลท์ที่ทำให้ใคร ๆ ก็อยากไปสัมผัสกับที่นี่สักครั้ง ก็คือ การไปชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่เยอะมากที่สุดในเมืองไทย บนพื้นที่กว่า 1,200 ไร่ ซึ่งในช่วงเดือนมกราคมนี้ดอกนางพญาเสือโคร่งจะเปล่งประกายสีชมพูไปทั่วทุกพื้นที่ ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศสุดโรแมนติกบนภูลมโลได้ไม่น้อยเลย

ส่วนใครที่มีแพลนจะไปก็ต้องวางแผนกันให้ดีนะคะ แม้ทางอุทยานฯ จะประกาศอนุญาตให้นักท่องเที่ยวสามารถนำรถส่วนตัวขึ้นไปได้ก็ตาม แต่เส้นทางการพิชิตภูลมโลนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด หากไม่ชำนาญเส้นทาง แนะนำให้ใช้บริการเหมารถของเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัยดีกว่าค่ะ นอกจากนี้หากดอกนางพญาเสือโคร่งบานสะพรั่งเต็มที่แล้วก็จะร่วงโรยภายใน 1-2 สัปดาห์ ใครอยากไปชมความสวยงามของดอกนางพญาเสือโคร่ง ณ ภูลมโล ก็ต้องรีบวางแผนกันหน่อยนะ ประเดี๋ยวดอกจะร่วงโรยหมดจนต้องรอชมกันอีกทีปีหน้าโน่นเลย

สถานตากอากาศบางปูสถานที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ





สถานตากอากาศบางปู หรือ บางปู เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในแบบพักผ่อนตากอากาศทางชายทะเลด้านอ่าวไทยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ ถนนสุขุมวิท กิโลเมตรที่ 37 ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ มีพื้นที่ทั้งหมด 639 ไร่

สถานตากอากาศบางปู ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2480 ตามดำริของจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ต่อมามีการสร้างสะพานชื่อ "สะพานสุขตา" ขึ้นมา โดยสะพานนี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของบางปู และในเวลาต่อมา มีการสร้างอาคารขึ้นมาบริเวณปลายสะพาน ในชื่อ "ศาลาสุขใจ"

ภายในบริเวณพื้นที่ 639 ไร่ของสถานตากอากาศแห่งนี้ มีธรรมชาติอันสมบูรณ์ มีเส้นทางชมป่า ชมนก โดยมีจำนวนนกกว่า 200 ชนิดอาศัยอยู่ให้นักท่องเที่ยวได้ชมตลอดทั้งปี จึงทำให้บางปูเป็นแหล่งดูนกที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของประเทศไทยอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนกนางนวลจำนวนเป็นพันเป็นหมื่นตัว ที่อพยพหนีหนาวจากไซบีเรียมาในช่วงต้นฤดูหนาว ประมาณกลางเดือน ต.ค. – พ.ย. ของทุกปี

ตรงเข้าไปสุดถนนจะเป็นสะพานสุขตา ที่ทอดตัวเหยียดยาวออกไปในทะเลประมาณ 500 เมตร ทำให้เป็นจุดที่เหมาะแก่การดูนกและชมพระอาทิตย์ตกเป็นอย่างยิ่ง

บริเวณปลายสะพานจะเป็นศาลาสุขใจ ภายในจะมีร้านอาหาร ที่ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสรสอาหารทะเลสดๆ อย่างปูนึ่ง ปลากะพงทอดน้ำปลา เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีลานลีลาศ สำหรับกิจกรรมเต้นลีลาศของกลุ่มผู้สูงอายุ ในทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. อีกด้วย

การเดินทาง: จากสามแยกสมุทรปราการ ให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ประมาณกิโลเมตรที่ 37 ให้กลับรถ จะพบสถานตากอากาศบางปูอยู่ริมถนนซ้ายมือ หรือขึ้นรถโดยสารไปลงตลาดปากน้ำ แล้วต่อรถเมล์เล็กสาย 36, รถสองแถวปากน้ำ - วัดตำหรุ, ปากน้ำ - นิคมบางปู และปากน้ำ - คลองด่าน

วันและเวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น.

ค่าเข้าชม: ฟรี

จ.อุดรธานี กำหนดจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบก่อตั้งเมืองครบ 124 ปี รำบวงสรวงโดยสตรีกว่า 30,000 คน ชมการแสดงพลุเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่สุดอลังการ



จ.อุดรธานี กำหนดจัดงานเฉลิมฉลองตั้งเมืองครบ124ปี 18 มกราคม 2560




จ.อุดรธานี กำหนดจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบก่อตั้งเมืองครบ 124 ปี น้อมรำลึกในพระเกียรติคุณพลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมผู้ก่อตั้งเมืองอุดรธานี จัดพิธีทำบุญตักบาตร วางพานพุ่มถวายราชสักการะ สู่ขวัญบ้านสู่ขวัญเมือง รำบวงสรวงโดยสตรีกว่า 30,000 คน ชมการแสดงพลุเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่สุดอลังการ ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม อำเภอเมืองอุดรธานี นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วยนายอิทธิพนธ์ ตรีวัฒนสุวรรณ นายกเทศมนตรีนครอุดรธานี และพันตำรวจเอกจักรภพ สุคนธราช รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี แถลงข่าวการจัดงานเฉลิมฉลองการก่อตั้งเมืองอุดรธานี ครบรอบ 124 ปีซึ่งกำหนดจัดอย่างยิ่งใหญ่ ระหว่างวันที่ 16-18 มกราคม 2560
นายอิทธิพนธ์ ตรีวัฒนสุวรรณ นายกเทศมนตรีนครอุดรธานี กล่าวว่า จังหวัดอุดรธานี ร่วมกับ เทศบาลนครอุดรธานี จัดงานเฉลิมฉลองวันที่ระลึกการก่อตั้งเมืองครบรอบ 124 ปี เพื่อให้ประชาชนชาวอุดรธานีได้ร่วมสำนึกรักและภูมิใจในบ้านเกิด ร่วมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น สร้างความสามัคคีปองดองกัน รวมถึงร่วมระลึกสำนึกในพระเกียรติคุณและพระกรุณาธิคุณของพลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ผู้ก่อตั้งเมืองอุดรธานี ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดอุดรธานีให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปทั้งในและต่างประเทศอีกทางหนึ่ง วันที่ 16-17 มกราคม 2560 เป็นกิจกรรมเฉลิมฉลองสมโภช จัดขึ้นที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม ตั้งแต่เวลา 18.30 น.ชมการแสดงดนตรีคีตกวี การเป่าขลุ่ย แซกโซโฟน ประชันกับแคน จากศิลปินที่มีชื่อเสียง และวันที่ 18 มกราคม 2560 มีการแสดงพลุ หลากหลายรูปแบบที่ยิ่งใหญ่อลังการ สวยงามตระการตาน่าชมอย่างมาก และที่พลาดไม่ได้ในการจัดงานครั้งนี้คือ กิจกรรมในวันที่ 18 มกราคม 2560 เริ่มตั้งแต่เวลา 06.00 น.ประชาชนชาวอุดรธานีร่วมทำบุญตักบาตร ประกอบพิธีถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติน้อมรำลึกในพระเกียรติคุณพลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมผู้ก่อตั้งเมืองอุดรธานี โดยทายาทราชนิกูลทองใหญ่ และพสกนิกรชาวอุดรธานีทุกหมู่เหล่า พิธีสู่ขวัญบ้านสู่ขวัญเมืองและรำบวงสรวง โดยทายาทราชนิกูลทองใหญ่ ภริยาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ กลุ่มสตรีชาวจังหวัดอุดรธานี ที่พร้อมใจกันมาสร้างพลังความสามัคคีรวมใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีผู้ร่วมรำบวงสรวงมากกว่า 30,000 คน
นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า อุดรธานีเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญและมีอารยะธรรมเก่าแก่แห่งหนึ่งของโลก ราวห้าพันปีมาแล้ว ตามหลักฐานที่ปรากฏในหลักศิลาจารึก ใบเสมา รวมไปถึงเอกสารบันทึกทางประวัติศาสตร์และพงศาวดารตั้งแต่สมัยทวารวดีจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ในปัจจุบัน เริ่มขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2436 ที่ไทยเกิดกรณีพิพาทพรมแดนกับฝรั่งเศส จนพลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ต้องย้ายกองบัญชาการมณฑลลาวพวนจากเมืองหนองคาถอยร่นมาถึงบ้านเดื่อหมากแข้ง ซึ่งมีชัยภูมิเหมาะสม อุดมสมบูรณ์ด้วยห้วยหนองคลองบึง จึงทรงตั้งกองบัญชาการและสร้างบ้านแปลงเมืองที่นี่ และถือเอาวันที่ 18 มกราคม 2436 เป็นวันก่อตั้งเมือง ซึ่งในปีนี้ครบรอบ 124 ปี





งานสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุครั้งที่ 20 ถวายเป็นราชกุศลพระบาทสมเด็พระปรมินทรมหาภูมิลพอดุลยเดชรัชกาลที่ ๙ และงานทักษิณานุปาทานถวายแด่หลวงพ่อทูล จังหวัดอุดรธานี


วัดป่าบ้านค้อ ตั้งอยู่บ้านค้อ ตำบลเขือน้ำ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ได้ก่อตั้งขึ้นโดยการนำของ “พระอาจารย์ทูล ขิบปปญโญ” (ปัจจุบันมรณภาพแล้วเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2551 ) มื่อวันที่ 1 มกราคม 2528 มีเนื้อที่ 410 ไร่ ปัจจุบันมีเสนาสนะและสาธารณูปโภคเท่าที่จำเป็นต่อการอยู่อาศัยปฏิบัติธรรมสำหรับพระและฆราวาส มีเสนาสนะป่าเหมาะแก่การปลีกวิเวกของผู้ใคร่ปฏิบัติธรรม ในส่วนของการเผยแพร่พระพุทธศาสนาและการบริการชุมชน จังหวัดอุดรธานี กำหนดให้วัดป่าบ้านค้อเป็นศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติประจำจังหวัดอุดรธานี และได้เคยจัดให้มีการบรรพชาอุปสมบทอบรมกลุ่มปฏิบัติธรรมแก่ นักเรียนและประชาชนทั่วไป อีกทั้งยังมีฆราวาสทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เข้าพักรับอุบายธรรมภาคปฏิบัติอยู่อย่างสม่ำเสมอ การเดินทางไปยังวัดป่าบ้านค้อ สามารถใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2 (อุดรธานี – หนองคาย) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 13 เลี้ยวซ้ายไปตามถนนหมายเลข 2021 (สายอุดร – บ้านผือ) อีก 20 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้าวัดป่าบ้านค้ออีก 3 กิโลเมตร รวมระยะทางจากอุดรธานี ประมาณ 36 กิโลเมตร


พระอาจารย์ทูล ขิบปปญโญ


พระครูปิยสีลาจารย์ (ไชยา อภิชโย) 
( เจ้าอาวาส วัดป่าบ้านค้อปัจจุบัน )


พระอาจารย์บำเพ็ญ รตินธโร (อ.แดง)
(รองเจ้าอาวาส)





พระมหาธาตุเจดีย์เฉลิมพระบารมีพระนวมินทร์

ต้นพระศรีมหาโพธิที่อัญเชิญมาจากศรีลังกาประดิษฐานเป็นสัญลักษณ์แห่งการตรัสรู้
ของพระพุทธเจ้าและความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา อยู่เคียงคู่กับพระมหาธาตุเจดีย์ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ดอกบัวทองคำยอดพระมหาธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ๓๓ องค์ หล่อ
ขึ้นจากทองเหลืองผสมทองแดงหุ้มด้วยแผ่นทองคำบริสุทธิ น้ำหนัก ๒๓ กิโลกรัมองค์ระฆังศิลปะลังกา ประดิษฐานพระเจดีย์ทองคำบรรจุพระบรมสารีริกธาตุตลอดทั้ง
ปูชนียวัตถุและเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ บูชาพระบรมธาตุอื่นๆชั้นล่างเป็น วิหารจตุรมุขทรงไทยประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
มีประตูกระจกแกะสลัก ๒๒ ช่อง ผนังโดมมีภาพจิตรกรรม "พระมหาชนก
ภาพจิตรกรรมพระมหาชนกบนโดมพระเจดีย์ สะท้อนการสร้างเสริมวิริยบารมีของพระโพธิสัตว์
บานประตูกระจกแกะสลัก รวม ๔๔ บาน เป็นเรื่องราวเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา เป็นแหล่งศึกษา ขยายสติปัญญาแก่พุทธศาสนิกชน




ในช่วงต้นปี พ.ศ.๒๕๔๐ คณะสงฆ์ในเขตพื้นที่อำเภอบ้านผือ น้ำโสม นายูง และใกล้เคียง ได้ประชุมพิจารณาเสนอให้พระอาจารย์ทูล ขิปฺปปญฺโญ ออกแบบและดำเนินการก่อสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้อัญเชิญมาจากศรีลงกา โดยจังหวัดอุดรธานี กำหนดให้เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อว่า"พระมหาธาตุเจดีย์เฉลิมพระบารมีพระนวมินท์" ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางวิหารจตุรมุข ๒๔ เมตร สูง ๗๒ เมตร ใช้เวลาก่อสร้าง ๑๕ เดือน งบประมาณ ๗๓ ล้านบาท




งานบุญประจำปี
งานสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ และงานทักษิณานุปาทานถวายแด่หลวงพ่อทูล



ในช่วงเทศกาลมาฆบูชาของทุกปี มีการจัดงานปฏิบัติธรรมสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุเป็นเวลา ๗ วัน ๗ คืน ของทุกปี มีพุทธศาสนิกชนหลายหมื่นคน มาร่วมบำเพ็ญบุญ สร้างกุศลบารมีในกิจกรรมหลายรูปแบบ เช่น บวชชีพราหมณ์ ถือศีลปฏิบัติภาวนา ฟังธรรมเทศนา ตั้งโรงทาน ร่วมงานอนุรักษ์วัฒนธรรมอีสาน สรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ เวียนเทียนในวันมาฆบูชา พิธีสดุดีเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จุดพลุและโคมประทีปตระการ
ซึ่งในปีนี้จัดงานสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ ครั้งที่ 20 ระหว่างวันที่ 5-11 กุมภาพันธ์ 2560 มาร่วมงานกันเยอะๆนะ สาธุ...


สิงห์ปาร์ค ไร่บุญรอด เชียงราย





ไร่บุญรอด เชียงราย เป็นไร่ของบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ผู้ผลิตเบียร์สิงห์, ลีโอ ไร่บุญรอด ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร บนพื้นที่นับพันไร่ ในบรรยากาศโอบล้อมด้วยภูเขา และ ธรรมชาติ ที่เพิ่งจะเปิดให้เข้าชมเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ไร่บุญรอด เปิดให้เข้าชมครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2554 และต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น สิงห์ปาร์ค เชียงราย ภายในไร่บุญรอดปลูกพืช ทำการเกษตรหลายชนิด เช่นไร่ชาอู่หลง, พุทราไต้หวัน, สตอร์เบอร์รี่, มัลเบอร์รี่, ยางพารา, ฟักทองยักษ์, ผัก – ผลไม้เมืองหนาว, ข้าวบาร์เลต์, ฟาร์มปศุสัตว์ เลี้ยงวัวนม ฯลฯ

ที่ตั้งของไร่บุญรอดตั้งอยู่ริมถนน 1211 หรือถนนสายเด่นห้า-ดงมะดะ ห่างจากตัวเมืองเชียงรายไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 16 กิโลเมตร ที่นี่ไม่มีรถประจำทางผ่านต้องไปด้วยรถส่วนตัวหรือไม่ก็ต้องเหมาสองแถวรับจ้างเข้าไป

การเข้าชมในไร่บุญรอด
นักท่องเที่ยวจะต้องจอดรถที่ลานจอดรถด้านหน้า แล้วลงทะเบียนเข้าชมที่โต๊ะข้างร้านกาแฟในรูปด้านล่าง การเข้าชมในไร่เส้นทางฟาร์มทัวร์จะต้องนั่งของทางไร่เท่านั้น ไม่สามารถขับรถเข้าไปได้เอง รถของไร่บุญรอดจะออกทุก 30-60 นาที ในแต่ละรอบจะรองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 24 คนเท่านั้น ใช้เวลารอบละประมาณ 1 – 1 ชั่วโมง 30 นาที ในช่วงเทศกาลวันหยุดเดือนธันวาคม – มกราคม จะเต็มทุกรอบ ควรมาวันธรรมดาจะดีกว่า

การเข้าชมในไร่บุญรอดนั้นไม่เสียค่าใช้จ่าย เข้าชมได้ฟรี





จุดท่องเที่ยวในไร่บุญรอด (สิงห์ปาร์ค)

จุดที่ 1 เนินสิงห์ ลานดอกไม้ ทุ่งหญ้าหลากสี ร้านค้า ร้านชา กาแฟ ประชาสัมพันธ์ ที่จอดรถ

จุดที่ 2 ทะเลสาบและหงส์ สวนพุทธา ทุ่งดอกไม้ป่า

จุดที่ 3 ไร่ชาอู่หลง เนินดอกไม้ และผลไม้นานาชนิด

จุดที่ 4 ทุ่งหญ้าและวิถีชีวิตสัตว์

จุดที่ 5 ศูนย์จักรยาน พื้นที่จัดงาน Farm Festival

จุดที่ 6 จุดชมวิว 360 องศา พาโนรามาวิวพ้อยท์ ชมวิวทิวทัศน์เทือกเขารอบทิศ

จุดที่ 7 โรงเรือนระบบควบคุมอุณหภูมิแปลงปลูกพืชผักเมืองหนาว



รวมใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง รถก็พากลับมาจุดเดิม ตรงที่ขึ้นรถ เป็นทัวร์ที่สนุก ได้ความรู้ ได้ชมบรรยากาศในไร่ที่สวยงาม แถมไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายซักบาท ต้องขอบคุณไร่บุญรอด ที่เปิดให้เข้าชมกันแบบฟรีๆ

กิจกรรมใหม่ล่าสุดของไร่บุญรอด Singha Park The Adventure : Unlock Your Limit Zipline

เป็นกิจกรรม Adventure โรยตัวผ่านลวดสลิง หรือที่เรียกกันว่า Zipline ด้วยความยาวกว่า 1,400 เมตร จากเนินในไร่บุญรอด ผ่านไร่ชา ระหว่างทางมองเห็นวิวในไร่ได้ 180 องศา

การเดินทาง
จากถนนพหลโยธินมุ่งหน้าไปทางตัวเมืองเชียงราย ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนน 1208 ข้างวัดร่องขุ่น แล้วเลี้ยวขวาที่สามแยก 1211 ขับตรงมาประมาณ 2 กิโลเมตรจะเจอกับไร่บุญรอดอยู่ทางซ้ายมือ จุดสังเกตเป็นรูปปั้นสิงห์สีทองขนาดใหญ่ที่เนินหญ้าซ้ายมือ